Your cart is currently empty!
Movie Review: The Batman ในมุมมองของข้าพเจ้า
สวัสดีครับ วันนี้ว่างๆ เลยได้มีโอกาสมาเขียนบล็อก เลยจะเล่าถึงมุมมองของผมหลังจากที่ได้ไปดูหนัง The Batman ที่นำแสดงโดย โรเบิร์ต แพททินสัน ซึ่งเข้าโรงเมื่อ มี.ค. 2565 ที่ผ่านมา โพสต์นี้คงจะไม่ยาวนัก เพราะคงจะเล่าความรู้สึกกับมุมมองของผมกับหนังเรื่องนี้เท่านั้น
ต้องเกริ่นก่อนว่า ได้มีโอกาสไปดูหนังเพราะลูกชายชวนไปดู เค้าชอบหนัง The Batman มาก ถึงขนาดบอกว่า จะต้องไปดูให้ได้ เราก็เลยต้องไปดูเป็นแฟน เพราะแฟนผมกับน้องชายเค้าไม่อยากดู
เห็นหลายๆ คน ออกมาเขียนถึงหนัง The Batman กันเยอะแล้ว ส่วนใหญ่บอกว่าเป็นหนังดี มีการนำเสนอมุมมองที่ Batman มีความเป็นคนมากขึ้น อย่างนิ้วกลมก็ให้ 10/10 เป็นหนังที่มีการแสดงสัญญะต่างๆ มีการสื่อถึงความเหลื่อมล้ำ สื่อถึงความดีกับความเลวที่สามารถมีอยู่ในคนๆเดียวกัน ทุกคนไม่สามารถดีได้เต็ม 100% แต่ผมจะบอกว่า ผมให้ 4/10 เพราะผม “ไม่ชอบ” หนัง The Batman เวอร์ชั่นนี้ ด้วยความดาร์กและความที่เป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่แต่ไม่ใช่ซุปเปอร์ฮีโร่ สรุปให้แล้ว ถ้าอยากรู้รายละเอียดว่าทำไมถึงไม่ชอบก็อ่านต่อข้างล่างนี้นะครับ
Batman จากประสบการณ์วัยเด็ก
ต้องเล่าภูมิหลังกันก่อน ผมเติบโตมากับหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่เป็นคนเก่ง มีความพิเศษ มีอุปกรณ์ไฮเทคมากมาย Batman ก็เป็นซุปเปอร์ฮีโร่อีกตัวนึงที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ยังเป็นการ์ตูน ตั้งแต่เกิดมา ก็เห็นแบตแมนเป็นคนที่เก่ง มีความเด็ดขาด มีอุปกรณ์ไฮเทค มีรถ Bat Mobile มี Bat Cycle ที่เจ๋งๆ มีปุ่มนู่นนี่นั่นเยอะแยะๆ สามารถต่อสู้กับผู้ร้ายได้
ความรู้สึกกับ The Batman
ดังนั้น เมื่อมาดูหนัง The Batman เปิดเรื่องมาก็ดูมืดๆ แฮะ พอฉากต่อสู้ซีนแรกก็ดูเหนื่อยๆ นะ ก็แบบคิดในใจ อืม มันดูลำบากไปมั้ยวะ แล้วมาเห็น Bat Cave เฮ้ย มันไม่ใช่อะ มันถ้ำค้างคาวจริงๆ ไม่ใช่ Bat Cave อะ มึงเป็นคนรวยรึเปล่าเนี่ย ทำไมมันไม่มีอุปกรณ์ไฮเทคอะไรเลย ไอ้คอมพิวเตอร์ที่สามารถวิเคราะห์อะไรที่ซับซ้อนก็ไม่มี
แล้วมาเจอตัวร้ายหลักของเรื่อง Riddler ก็แบบ ไอ้นี่มันไม่ใช่อะ ไอ้นี่มันฆาตรกรต่อเนื่องชัดๆ โรคจิตเกินไป๊ แม้ยังคงทิ้งปริศนาไว้ให้ตัวละครอื่นๆได้เดินตามเรื่องนะ แต่มันเดินเรื่องแบบหนังสืบสวนสอบสวนฆาตรกรต่อเนื่อง มันไม่มีความขี้เล่น ไม่มีความสดใสในแบบของการ์ตูนเหลืออยู่เลย ซีนฆาตรกรรมก็โหดมาก
แล้วพอมาถึงฉากที่เปิดตัวรถ Bat Mobile ก็กลายเป็นรถ mascle car เป็น Doge Viper ที่เอามาใส่เทอร์โบให้เสียงท่อมันดังๆ วิ่งได้เร็วๆ อีกที แต่แม่ง ไม่ได้ช่วยอะไรเล้ยยยย
ผิดหวัง แล้วเกิดคำถาม
บอกตรงๆ ผิดหวัง พอดูหนังจบ ลูกก็ถาม ป๊าชอบมั้ย เราก็บอกตรงๆ ว่าไม่ชอบ แต่ลูกเราชอบนะ มันแสดงอารมณ์ได้ดี แล้วเค้าก็อ่านมาก่อนแล้วว่า ผู้กำกับเค้าตั้งใจที่จะสร้าง The Batman ออกมาในรูปแบบที่เป็นคนที่ไม่ต้องเก่งมาก เพราะหนัง Batman ภาคก่อนๆ ทำเอาไว้ดีมากแล้ว เลยอยากจะฉีกแนวให้แตกต่าง
ส่วนตัวคิดว่าหนังมันดาร์กไป มันเป็นสไตล์แบบ film noir แต่ก็ไม่อะไรจนมีคนทำมีมแปะไว้บนเฟสล่ะ คือแบบ มึงจะมืดไปไหน๊!
Batman ในมุมมองการตลาด
ได้คุยกับลูก ก็แบบ เออ มันเน้นอารมณ์นะ เน้นสัญญะต่างๆ ไม่ต้องการซุปเปอร์ฮีโร่ที่ไฮเทคนะ คือ มึงลำบากไป๊ ก็เลยมามองในมุมการขายของบ้าง คือเค้าตั้งโจทย์ในการทำหนังเรื่องนี้ยังไง
ก็จะเห็นได้ว่า เค้าไม่อยากให้หนัง The Batman เวอร์ชั่นนี้ไปซ้ำรอยกับ Batman ในเวอร์ชั่นก่อนๆ ซึ่งผมก็มีคำถามๆนึง ว่า แล้วคนที่ดูหนังเรื่องนี้คือใคร ซึ่งหนังมันต้องเรต 18+ อยู่แล้ว เพราะโหดเกินไป มีความโรคจิต มีความขัดแย้งในตัวละคร ไม่มีพลังวิเศษ ไม่มีอุปกรณ์พิเศษอะไรให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 16 ได้ตื่นตาตื่นใจเลย ซึ่งในมุมมองของผม การตั้งโจทย์ทำหนังออกมาแบบนี้ ผมว่ามันไม่เหมาะ เพราะมันเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่นะ คุณให้เด็กดูแล้วเดี๋ยวจะขายของเล่น ขายฟิกเกอร์ต่อนะ
ก็ถามนะ ว่าเด็กคนไหนมันอยากจะซื้อฟิกเกอร์ Riddler ที่เป็นฆาตรกรต่อเนื่องกันเนี่ย ลูกแบบทันทีเลย search google แล้วก็ขึ้นมาเลย ฟิกเกอร์ของ Riddler เราก็แบบ หืมมมม มีด้วยหรอ
สรุปรีวิวเหอะ
ก่อนจะใส่อารมณ์ไปมากกว่านี้ ผมขอสรุปดีกว่า ว่าหนัง The Batman ผมให้คะแนน 4/10 เพราะมันไม่ใช่หนังซุปเปอร์ฮีโร่จากชื่อ Batman ที่มันใช้อยู่ ตัดคะแนนไปเยอะเพราะโจทย์ตั้งต้นในการทำหนังมันสำคัญที่สุด แต่ถ้ามันเป็นหนังสืบสวนสอบสวนฆาตรกรรมต่อเนื่อง เน้นดราม่าเน้นความขัดแย้งในตัวละคร แบบหนัง Se7en หรือ Zodiac ก็ถือว่าดีอยู่ ต้องเตือนไว้ว่า The Batman ไม่ใช่หนังที่จะให้เด็กดูนะครับ
แถมอีกนิด แบบ ไปดูพวกฟิกเกอร์ในลาซาด้ามา ก็รู้สึกว่า เออ ทำออกมาไม่ได้แย่นะ แต่มันดูไม่ว้าวน่ะ อีกอย่าง ใครจะให้ลูกอายุ 7-8 ขวบไปดู The Batman บ้าง? แล้วก็ถามลูกอายุ 18 ปี จะซื้อฟิกเกอร์มั้ย? ก็ไม่ ลูกชายสองคน ไม่เรียนก็เล่นเกมแล้ว มันหมดวัยแล้วนะ
Leave a Reply