เที่ยวเมืองจีน 2017: วันที่ 3 (ตอนที่ 2) – หมู่บ้านในหุบเขา

หลังจากออกไปถ่ายรูปตอนเช้าในตอนที่แล้ว กลับโรงแรมไปกินข้าวเช้าก่อนนะครับ แล้วคณะเดินทางก็ออกเดินทางไปเยี่ยมญาติที่หมู่บ้านในละแวกเมืองสวี้ผุนี่แหละครับ

การเดินทางเข้าหมู่บ้านในครั้งนี้ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เพราะหมู่บ้านที่เรามาเยี่ยมในการเดินทางวันที่ 3 นี้เป็นหมู่บ้านตระกูลเล้งที่อยู่ลึกในหุบเขาครับ ถนนที่จะไปหมู่บ้านมันเล็กมาก เป็นถนนที่ตัดเข้าไปในภูเขา เราจะต้องเปลี่ยนรถ จากรถบัสคันใหญ่ ไปนั่งรถมินิแวน

พอขึ้นรถไปแล้ว รถที่มารับเราก็ขับขึ้นไปบนภูเขา ไปบนถนนที่มีความกว้างสำหรับรถแค่ 1.5 คันเท่านั้น.. ย้ำ! ความกว้างสำหรับรถแค่ 1.5 คันเท่านั้น! ถ้ามีรถสวนทางมา ก็ต้องมีคันนึงหลบข้างทางให้ก่อน

จะว่าไป ถนนที่ไปหมู่บ้านที่คณะเดินทางเข้าไปเยี่ยมนี่ ยังดีที่ว่าเป็นถนนปูนนะครับ ถ้าในเมืองไทย มาพื้นที่ในป่าในเขาอย่างนี้ ส่วนใหญ่จะยังเป็นถนนดินเป็นส่วนมากเลยนะครับ

นั่งรถมาพอสมควร ก็เข้ามาถึงหมู่บ้านครับ หมู่บ้านในเมืองจีนนี้ จะมีลักษณะบ้านหลักๆอยู่ 2 แบบครับ แบบเก่าจะเป็นบ้านไม้ที่ใช้ไม้เป็นส่วนประกอบหลักของบ้าน หลังคาก็จะเป็นกระเบื้องสีดำแบบเก่าๆ . กับบ้านที่สร้างใหม่ ก็จะตอกเสาเข็มและก่อผนังอิฐฉาบปูนมุงหลังคาด้วยกระเบื้องลอนคู่แบบบ้านเรานี่แหละครับ และที่สังเกตอยู่อย่างคือ หน้าบ้านในเมืองจีนหลายๆบ้าน

พอมาถึงก็มีคนในหมู่บ้านมารอรับอยู่แล้วล่ะครับ ชาวบ้านตื่นเต้นกันมากที่เราจะมาเยี่ยมเค้า และจะมีของมามอบให้ด้วยนะ

 

ระหว่างทางก็ถ่ายภาพไปเรื่อยน่ะแหละ ^^

เมื่อมาแล้ว ก็มีพิธีมอบของกันหน่อย ก็เลยมามอบของขวัญที่ที่ทำการหมู่บ้านก่อนครับ

พอเสร็จการมอบของขวัญเรียบร้อย เราก็เดินทางไปไหว้บรรพบุรุษกัน พอลงมา ก็เจอขบวนแห่ พี่แกเล่นจัดชุดใหญ่เตรียมไว้เลย

งานนี้ก็เดินไปครับ ขบวนก็เดินขึ้นเขาขึ้นไปอีก เพื่อไปสุสานของบรรพบุรุษครับ โดยเอาหมูที่เห็นเมื่อกี้ กับแพะอีกตัวนึงขึ้นไปไหว้ด้วย

เดินขึ้นเขามาซักพัก แม่เริ่มเดินไม่ไหวละครับ ก็เลยไปพักก่อนครับ ก็พักที่บ้านบนเขาระหว่างทางก่อน แม่เดินไม่ไหวแล้วล่ะ ก็เลยรอตรงนี้แหละ  เราก็ถ่ายรูปวนไปสิครับ

มองขึ้นไปบนเขา ก็จะเห็นเค้ากำลังทำพิธีไหว้บรรพบุรุษอยู่บนเขาด้วยนะ

ก็ถ่ายรูปวนไปครับ ซักพักพิธีไหว้บรรพบุรุษก็เสร็จ ก็จะเห็นหมูโดนหาบเดินลงมาละ

ทีนี้ ก็เดินลงเขามาครับ เดินเข้าหมู่บ้าน แล้วก็เดินลึกเข้าไปอีก เข้าไปแล้วจะเจอไร่เพะาเห็ดหูหนูดำอีกเต็มเลยล่ะ

เดินไปซักพัก เราก็มาถึงศาลเจ้าเก่า ซึ่งชำรุดพุพังไปแล้วครับ ศาลเจ้านี้เคยเป็นศาลเจ้าประจำตระกูล ซึ่งเก่าแก่มาก

เมื่อออกจากศาลเจ้า เราก็เดินต่อเข้าไปในหุบเขาครับ เดินขึ้นเขากันยาวๆเลย ไปทานข้าวที่บ้านของคนตระกูลหลงกัน เค้าจะทำอาหารเลี้ยงต้อนรับครับ

มาถึงบ้านแล้ว เราก็นั่งรอครับ ผมก็เดินถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ

จำได้ว่า มื้อนี้เรารอกันนานมากๆเลยล่ะ อาเหล่าเจ็กแกก็คุยกับชาวบ้านไปเรื่อยๆ มีช่วงนึงก็ร้องเพลงกันด้วยล่ะ ส่วนผมก็เลยต้องถ่ายรูปไปเรื่อยๆ

เวลาผ่านไปสองชั่วโมง สุดท้ายอาหารก็เสร็จแล้วครับ ได้กินข้าวละ

พอกินข้าวกลางวันเสร็จแล้ว เราก็เดินกลับไปที่ทำการหมู่บ้าน ที่เราไปเมื่อตอนเช้าครับ อาอี๊ได้เอาของขวัญอีกชุดนึงที่จะไปมอบให้อีกหมู่บ้านฝากไว้ที่หมู่บ้านนี้เพราะจริงๆแล้ว กำหนดการณ์คือเราจะไปเยี่ยมอีกหมู่บ้านในช่วงบ่าย แต่เวลามันเลยมานานมากแล้ว  แล้วก็มอบเงินสำหรับบูรณะศาลเจ้าเก่าของหมู่บ้านด้วยครับ

พอเสร็จแล้ว คณะเดินทางก็เดินทางกลับ…. ซึ่งเราต้องนั่งรถมินิบัสลงเขากลับมาเส้นทางเดิมอีกครับ น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ถ่ายรูป เพราะแสงสวยมากเลยล่ะ พอลงจากเขามาแล้ว ถึงได้มีโอกาสถ่ายรูปก่อนขึ้นรถบัสกลับโรงแรมครับ

 

พอกลับมาถึงโรงแรม ก็ได้เดินถ่ายรูปตอนเย็นอีกนิดหน่อย แต่ก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ไว้ไปดูใน Shutterstock ของผมแล้วกันนะครับ

สำหรับการเดินทางในเมืองจีนวันที่ 3 ก็จบเพียงเท่านี้นะครับ สำหรับวันที่ 4 จะน่าตื่นเต้นกว่านี้อีกครับ เพราะเราจะได้เดินขึ้นเขากันครับ ^^

 

---

Village in the valley